ข้าวคั่วหัวหอม ontour

...ถ้าเธออยากรู้ว่าฉันรักเธอเท่าไหร่ ...เพียงแต่เธอนับเม็ดทรายในทะเลทราย โกบี ที่มองโกลเลีย นั่นไม่ถึงครึ่งที่ฉันมีให้เธอ....
...หากเธอคือทุ่งหญ้าสีเขียว กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ....ฉันอยากเป็นท้องฟ้า ที่กอดเธอไว้ในอ้อมกอด จน นิรันดร์..........
Enter

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวต้าลี่ ลี่เจียง ภูเขาหิมะมังกรหยก

การท่องเที่ยวครั้งแรกในต่างแดนของผมเริ่มขึ้นเมื่อ พี่ชายผมได้ไปเที่ยวปักกิ่ง  และในขณะนั้นมีคนๆหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจ บวกกับในชีวิตไม่เคยเห็นหิมะของแท้ๆ เลยตัดสินใจเลือกไปเที่ยวที่ ภูเขาหิมะมังกรหยก พี่ชายเลยแนะนำทัวร์ที่เป็นของคนอุดร เมื่อติดต่อกัน การเดินทางจึงเริ่มขึ้นในเดือนตุลา......
....เป็นครั้งแรกที่ออกนอกประเทศ จึงความตื่นเต้น ละคนกับความตื่นตา ตื่นใจ ในบางช่วงของการเดินทางก็คิดถึงเตี่ยด้วย และอีกจุดหนึ่งที่ต้องเห็นคือ หิมะ แต่ปรากฏว่าเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขากลับไม่เห็นหิมะ...ผิดหวังมากจึงเป็นที่มาของการเดินทางครั้งที่สอง ที่ไป ฮาร์บิ้น
.....โชว์ trip นี้ที่ประทับใจมากคือ โชว์ก่อนขึ้นเขาของจางอี้โมว์  เขาทำได้สุดยอดจริง หาดูได้จาก youtube แต่รับรองว่าคุณจะไม่ได้อารมณ์เหมือนที่คุณเข้าไปนั่งในที่นั่นจริงๆครับ

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวฮาร์บิ้น

เที่ยวฮาร์บิ้น ธค.53 - มค.54




....หลังจากไปเที่ยวปากเซมา ปลายปีก็ได้ไปเยือน เมืองฮาร์บิ้น ที่จีน ความเป็นมาเนื่องจากว่า ตนเองเกิดมาครึ่งชีวิตแล้วยังไม่เคยเห็นหิมะของจริงเลย ก็เลยยากสัมผัสหิมะของจริงบ้าง จึงตัดสินใจเลือกเมืองที่จะไป ที่ที่มีหิมะ ด้วยตนเองเป็นคนชอบประเทศจีน อาจเป็นเพราะเตี่ยเป็นจีนจากซัวเถา และประเทศจีนมีความเป็นมาที่ยาวนาน มีวัฒนธรรม ภาษา และอื่นๆเป็นของตัวเอง จึงเลือกเมืองฮาร์ิบิ้น เนื่องจากมีทัวร์พาไปที่นั้น หลังจากนั้นจึงเลือกบริษัททัวร์ที่จะไปทาง net แรกๆ ก็ใจไม่ค่อยดีกลัวว่าทัวร์เค้าจะหลอกหรือเปล่าจนกระทั้งได้ไปถึงฮาร์บิ้น
....ฮาร์บิ้น เมืองอยู่ทางภาคเหนือของจีนติดกับรัสเซีย อากาศหนาวเกือบทั้งปี
....ครั้งแรกที่ลงถึงสนามบินใจไม่ค่อยดีเพราะเครื่อง delay จากเซียงไฮ้มา 2 ชม.กว่านั่งอยู่บนเครื่องเนื่องจากหิมะตกหนักที่สถามบินฮาร์บิ้น พอตอนเครื่อง landing มองลอดหน้าต่างหัวใจเสียวแว๊บ ๆ ว่าจะเป็นอย่างเพราะหิมะตกหนัก กลัวว่าสนามบินจะลื่น เครื่องจะไถล

...พอเครื่องจอดสนิท เรานึกอยู่ใจไหนว่าหนาวนักหนาวหนา นี่หรือที่เขาบอกว่าอากาศติดลบ 30 เรายังไม่รู้สึกอะไรเลย
...เมื่อเจอไกด์ ไกด์พาไปที่รถเพื่อที่จะเข้าโรงแรม พอประตูของสนามบินเปิดออกเท่านั้นแหละ ความเย็นยะเยือกมาเยือนที่อวัยวะที่ไกลหัวใจ เช่นมือ เท้า เดินไปอีกไม่เกิน 10 ก้าว เหมือนหูจะหลุดออก...

เที่ยวปากเซ

....หลังจากนั้นอีก 6 เดือนประมาณเดือน กค. ผมก็ได้ไปตามหาที่ที่ทุกคนบอกว่า ไนค์แองกาล่าแห่งเอเชีย หลี่ผี และ คอนพะเพ็ง อีกนั้นแหละแรงบันดาลใจจาก หนังเรื่องไม่มีคำตอบจากปากเซ
....ครั้งนี้ผมนั่งรถบขส.จากอุดร ตอนตี5.45 สหมิตรทัวร์ ถึงอุบลประมาณ บ่ายโมงครึ่ง รอรถ interbus ประมาณ 15.30 รถก็ออกจากสถานีรถ bus กว่าจะถึงปากเซประมาณ 5-6 โมงเย็น เข้าพักที่โรงแรมยอดนิยมของคนไทยอีกแล้ว คือโรงแรมแสงอรุณ ห้องดี ราคาถูก ในคืนแรกดีมาก แต่ในคืนที่ 2 แย่ไปหน่อยเขาให้ผมย้ายห้องไปห้องด้านหลังซึ่งเล็กกว่าแต่เขาลดค่าห้องให้นิดหน่อย เพราะมีทัวร์จากไทยไปเหมาทั้งชั้น ผมนอนอยู่ 2 คืน ประมาณ 1200 กว่าบาท
......หลังจากเข้าพัก 315 ในคืนแรกก็เริ่มออกตะเวนเที่ยว โดยหาที่กินข้าวริมโขง ก็ได้ไปกินข้าวที่ริมโขง ร้านตามรูปครับ ต่อด้วยสถานบันเทิงใต้โรงแรมชื่ออะไรไม่รู้ บรรยากาศผมชอบ เพราะมันเหมือนดิสโก้เทคสมัยผมเป็นวัยรุ่นเพราะจะมี ฟลอร์ด้านหน้าวงดนตรีไว้เต้น สมัยนี้ไม่มีแล้วต้องเต็นกับโต๊ะ กด beer laos ไปซะ 8 ขวดกับสารถี หลังจากนั้นต้องรีบกลับที่พักเพราะที่ปากเซ คอร์ฟิว 5 ทุ่ม
...เช้า 9.00 โมงเรานึกว่าจะมีรถไปหลี่ผีตลอดที่ใหนได้รถออกไปแล้ว และไม่รถไปที่หลี่ผีแล้ว ทั้งๆที่จากปากเซไปที่หลี่ผี คอนพะเพ็งเพียง 100 กว่าโลเท่านั้น
....ความซีดแป้ด !!! ภาษาบ้านผม ตรูจะทำงัยดี มาตั้งไกล highlight ก็หลี่ผี คอนพะเพ็งนี้แหละ
....ต้องไปให้ได้ ความคิดสั่งให้สองเท้าให้เดินข้ามฝั่งไปหารถที่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม คำตอบคือ ไม่มี !!!!!! HMG ( Ho my god )
....สุดท้ายเลยโทรหาสารถีที่เที่ยวกันเมื่อคืนให้หารถให้ รออยู่ ชั่วโมงจึงได้ขื้นรถ เหมา 2500 ไม่รวมน้ำมัน
....สรุปถ้าจะหลี่ผีโดยไปรถประจำทางต้องตื่นแต่เช้า ไปแล้วกลับเลยไม่ได้ต้องนอนที่ดอนเด็ด หรือดอนคอน 1 คืนแล้วเช้าค่อยกลับมาที่ปากเซ ( ไม่น่าเชื่อ 100 กว่าโลไปแล้วกลับเลยไม่ได้ )
....หลังจากไปที่หลี่ผี คอนพะเพ็ง ผมว่าจำไปที่ไร่กาแฟต่อ ปรากฏว่าฝนตกอย่างนัก เลยต้องเปลี่ยนแผนกลับที่พัก เตรียมตัวกลับบ้านเพราะมีเวลาน้อย ต้องกลับมาไถนาหาเงินไปเที่ยว trip ต่อไป....


เที่ยวหลวงพระบาง

สะบายดี 1 หลวงพระบาง

...ย้อนหลังไปเมื่อปีที่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ดูหนังเรื่องสะบายดี 1 ของคุณ Sakchai แล้วมีแรงบันดาลใจอยากตามรอยหนังเรื่องนี้

...ปีใหม่หลังจากสะหลืมสะลือจาก ฤทธฺ์ของ แอลกอออฮ์เมื่อคืนที่ต้องนับถอยหลังวันปีใหม่ ผมก็ได้ ckeckin ที่สนามบินอุดร บินไปที่หลวงพระบาง ( ตอนนั้นสายการบินลาวมีเที่ยวบินจากอุดร ไปที่หลวงพระบางโดยตรง ค่าเครื่อง 2000 กว่าบาท กว่าเท่าไร่จำไม่ได้แล้วครับ ) เพียง 1 ชั่วโมงผมก็ไปยืนอยู่ถนนกลางใจเมืองหลวงพระบาง เออผมลืมบอกไปตอนที่นั้งเครื่องเป็นเครื่องบิน 60 ที่นั้ง 2 เครื่องยนต์เวลาขึ้นหรือลง มีอาการสั่นเล็กน้อย เที่ยวที่ผมนั่งมีไม่ถึง 15 คน ...

....อากาศร้อนมากตอนกลางวัน ผมก็เดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัดต่าง ๆ ร้านอาหาร เกรสเฮาส์ สภาพตึกสวยงามแบบเดิมๆ เนื่องจากตอนนั้นผมมีแต่กล้อง vdo จึงไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งมามากนัก จึงมีแต่ภาพที่เริ่มหัดตัดต่อและลงเพลงแบบง่าย ๆ loadลงใน youtube...
...เย็น ๆ ก็ได้เดินขึ้นภูษี มีแต่คนไทยเป็นส่วนใหญ่ ผมนึกอยู่ในใจ คงจะตามรอยหนังเรื่องสะบายดี 1 เหมือนผม คนเยอะมากบนภูษี ยืนแบบเบียดเสียด แบบใหล่ชนใหล่ ผมได้ยินผู้หญิงไทยคนหนึ่งพูดแบบมีอารมณ์ว่า...แห่กันมาดูตะวันตกดินทำไมกันเยอะแยะ มันสวยอะไรกันนักหนา ที่บ้านเราก็มีตะวันตกดินเหมือนกัน ไป๊ ๆๆๆๆ กลับที่พัก....


....เช้าวันถัดมาก็ตักบาตรเช้าที่ปากซอยหน้าที่พัก ที่พักของผมอยู่ในซอยข้าง ๆกับร้าน Joma ขายพวกกาแฟ ที่พักช่วงนั้นเป็นช่วงปีใหม่เลยแพง 800 บาท ค่าตักบาตรเช้าป้าเจ้าของที่พักจัดให้ 100 บาท พร้อมบริการปลุกตอนเช้า ค่ารถไปวังเวียง 320 บาท...

....หลังจากนั้นก็เดินเล่นตลาดเช้า ประมาณร่วมชั่วโมง แล้วก็มากินร้านกาแฟที่คนไทยชอบไปกินกันแทบไม่มีที่นั่ง แย่งกันกินเหมือนแจกฟรี เสียงดัง โวยวาย เห็นแล้วผมรู้เบื่อๆ เลยเดินไปอีกหน่อยนั่งสบาย ๆ ไม่หนวกหู

.....ประมาณ 3 โมงเช้าก็ออกจากหลวงพระบางโดยรถตู้ ใจไม่ค่อยดีว่าเขาจะไม่ให้ขึ้นรถเพราะเนื่องจากว่าเราจองรถกับบ้านป้าที่พัก ไม่ได้ซื้อที่สถานี เพราะมีอยู่คนหนึ่งที่เขาไม่ให้ขึ้นรถ คนที่โดยสารเขาบอกว่าเขาได้จองจากที่พักมาแล้ว

.....ถึงวังเวียงประมาณ 4-5 โมงเย็น หาที่พักก่อน ที่พักที่อยู่ติดกับแม่น้ำแพงไปหน่อยผมเลยเดินลึกเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ได้ห้อง 400 บาท ผมถามว่าห้องมีแอร์ใหม? เขาบอกผมว่ากลางคืนไม่ต้องมีแอร์ก็เย็นสบาย .... ตกดึก จริงของเขา

.....หลังจากนั้นก็เดินเล่นไปทั่วเมือง ไปจบอาร้านอาหารร้านหนึ่งติดกับแม่น้ำ กินลาบหมู หมูทอด beer lao อีกขวด ประมาณ 390บาท

.....ตอนที่นั่งรออาหาร จิบเบียร์ไปก็เห็นชาวต่างชาติมากันแบบครอบครัว บ้างก็มากับแฟน บ้างก็มากับเพื่อนเป็นกลุ่ม....ตอนนี้แหละที่ความหนาว ความเหงา มันเข้าเกาะที่หัวใจแบบไม่ทันตั้งตัว....

....เช้าวันถัดมาผมเดินหาอาหารเช้ากิน มีร้านขายโจ๊ก ติด ๆ กัน 3-4 ร้านกับปาท่องโก๋ อันใหญ่กว่าบ้านเรา แล้วก็ไปที่ท่ารถซื้อตั๋วกลับเวียงจันทน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วกลับถึงอุดรประมาณ 5 โมงเย็นเป็นอันจบทริปนี้....

เที่ยวเวียงจันทน์

เที่ยวเวียงจันทน์ 1 คืน

เมื่อเดือนก่อน มิย.54 ได้มีโอกาสได้ข้ามฝั่งไปเที่ยวที่เวียงจันทน์ ได้ไปกินข้าวที่ท่าง่อน อร่อยดี แปลก ๆไปอีกแบบ สั่งลาบปลา ต้มยำปลา และ ปลาเนื้ออ่อนทอด กับ beer lao อีกขวด คิดเป็นเงินไทย 380 บาท โดยว่าจ้างสามล้อเครื่อง ให้พาไป กลับ เป็นเงิน 600 บาท หลังจากนั้นมาส่งที่โรงแรมแม่โขง พักที่นั้น 1 คืน ราคา 960 บาท ( แพงไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรนานนานที